ในช่วงเวลาการระบาดของเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 หรือที่เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ COVID-19 นี้ เป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์และไม่สะดวกสบายของคนทั่วโลก การเว้นระยะห่างทางสังคมรวมถึงการจำกัดการรับการตรวจรักษากลุ่มโรคที่ไม่เร่งด่วนหรือร้ายแรงในโรงพยาบาลกลายเป็นเรื่องที่เราต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และภาวะเจ็บ-ป่วยทางออร์โธปิดิกส์ (หรือโรคทางกระดูกและข้อ) ก็เป็นอีกกลุ่มอาการ/กลุ่มโรคหนึ่งที่ถูกมองว่าเป็นภาวะที่ไม่เร่งด่วน สามารถที่จะรอได้ เลื่อนนัดได้ หรือสามารถได้รับการตรวจแบบทางไกลได้
แต่ใช่ว่าทุกโรคทางกระดูกและข้อจะเป็นเรื่องไม่ฉุกเฉินหรือไม่เร่งด่วนไปเสียทั้งหมด อาการบางอย่างอาจเป็นสัญญาณอันตรายที่บอกถึงโรคหรือภาวะที่ร้ายแรงที่จะทำให้การดูแลรักษายากขึ้น ทำให้การรักษาไม่ได้ผลดีนัก ส่งผลให้ระยะเวลาที่ต้องใช้ในการรักษาและพักฟื้นที่นานขึ้น หรืออาจส่งผลให้เกิดความพิการ ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิตได้
บทความนี้จะพูดถึงอาการทางกระดูกและข้อ (ออร์โธปิดิกส์) ที่อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าควรไปพบแพทย์เพื่อรับการซักประวัติตรวจร่างกายว่ามีภาวะหรือกลุ่มโรคที่เร่งด่วน/อันตรายหรือไม่
อาการปวด
อาการปวดเป็นอาการที่อยู่คู่กับมนุษย์มาช้านาน และเป็นอาการที่เตือนให้ร่างกายได้รับรู้ถึงความผิดปกติของส่วนต่างๆ ในร่างกาย เป็นอาการไม่พึงประสงค์ที่เกือบทุกคนต้องเคยมีประสบการณ์
ผู้ป่วยออร์โธปิดิกส์หรือผู้ป่วยโรคกระดูกและข้อส่วนใหญ่มาพบแพทย์ด้วยอาการปวด (ปวดเข่า ปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดสะโพก ฯลฯ) ซึ่งส่วนมากเป็นอาการปวดที่เกิดจากความเสื่อม อาการปวดที่เกิดจากการใช้งานหนัก โดยส่วนมากไม่มีอาการรุนแรง และไม่ได้เกิดจากโรคที่ร้ายแรง แต่ก็ยังมีโรคแรงบางกลุ่มที่จำเป็นต้องให้การวินิจฉัยและรักษาอย่างเร่งด่วน เช่น ภาวะการติดเชื้อในข้อและกระดูก เนื้องอกกระดูก กระดูกหักและข้อเคลื่อน ภาวะหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท เป็นต้น สำหรับอาการปวดตามแขนขารวมถึงข้อและกระดูก ที่จะบ่งชี้ถึงภาวะที่ต้องได้รับการรักษาเร่งด่วนได้แก่
อาการปวดที่เกิดขึ้นหลังจากที่เกิดการบาดเจ็บโดยที่อาการเป็นมากขึ้น หรือไม่ดีขึ้นหลังจากเวลาผ่านไประยะหนึ่ง
เมื่อมีการบาดเจ็บ ถ้าเป็นการบาดเจ็บที่ไม่รุนแรงของกล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็น เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานนัก อาการจะทุเลาลง ความเจ็บปวดจะค่อยๆ ลดลง แต่ถ้าอาการปวดยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ไม่ดีขึ้นแม้ว่าจะได้พักจนเวลาผ่านไประยะหนึ่งแล้ว แสดงว่าการบาดเจ็บนั้นค่อนข้างรุนแรง อาจมีการฉีกขาดของกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น หรือมีการแตกหักของกระดูกได้ ดังนั้นเมื่อมีการบาดเจ็บเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นล้มข้อเท้าพลิก ล้มข้อมือยันพื้น อุบัติเหตุจากการเล่นกีฬา ถ้านั่งพักหรือประคบเย็นแล้วอาการปวดไม่ดีขึ้น ควรรีบมาพบแพทย์
อาการปวดที่แตกต่างจากอาการปวดของโรคเดิม
ในผู้ป่วยโรคกระดูกและข้อหลายโรค เช่น ข้อเข่าเสื่อม ข้อสะโพกเสื่อม กระดูกสันหลังเสื่อมกดทับเส้นประสาท เอ็นข้อไหล่อักเสบ ฯลฯ จะมีประสบการณ์การปวดมาก่อน และโรคเรื้อรังที่เกิดจากความเสื่อมเหล่านี้มักจะมีอาการเป็นๆ หายๆ เมื่อไรก็ตามที่อาการปวดเป็นมากขึ้น หรือลักษณะอาการปวดแตกต่างจากเดิม มีความเป็นไปได้ว่า โรคเดิมที่เป็นอาจจะรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดโรคใหม่ที่ทำให้อาการปวดแตกต่างจากเดิม ดังนั้นถ้ามีอาการปวดที่แตกต่างออกไปจากเดิม โดยเฉพาะถ้ามีความรุนแรงมากขึ้นเช่นนี้ ควรรีบมาพบแพทย์
อาการปวดเมื่ออยู่เฉยๆ อาการปวดที่ปวดตลอดเวลาและปวดมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน
โดยทั่วไปอาการปวดที่เกิดขึ้นจากความเสื่อมหรือการใช้งานที่หนักเกินไปจะมีอาการปวดที่ไม่รุนแรง และสัมพันธ์กับการใช้งาน อาการปวดเกิดขึ้นแม้กระทั่งตอนที่ไม่ได้มีการใช้งานหรืออาการปวดที่เป็นมากขึ้นเรื่อยเรื่อยจนไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ อาจมีสาเหตุมาจากโรคที่ร้ายแรงบางชนิด เช่น การติดเชื้อในกระดูกและข้อหรือเนื้องอกกระดูก
อาการปวดที่รบกวนการนอนจนกระทั่งตื่นจากการปวด
โดยปกติอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อจากการใช้งานหรืออาการปวดที่เกิดจากความเสื่อมมักจะดีขึ้นเมื่อได้รับการพักผ่อนและจะไม่รบกวนการนอนในตอนกลางคืน เมื่อไหร่ก็ตามที่อาการปวดรบกวนการนอนจนนอนไม่หลับ หรือตื่นขึ้นมากลางดึกจากอาการปวด ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุของอาการปวด
อาการปวดที่รบกวนการขยับของข้อ ไม่สามารถขยับข้อนั้นๆ ได้
อาการปวดที่รบกวนการขยับของข้อ เกิดได้จากทั้งสาเหตุที่เกิดในข้อ เช่น มีการอักเสบและน้ำในข้อมาก เยื่อหุ้มข้อบวมมาก และเกิดจากรอบๆ ข้อ เช่น เยื่อหุ้มเอ็นรอบๆ ข้อเกิดการอักเสบอย่างรุนแรง กล้ามเนื้อรอบข้อบาดเจ็บหรืออักเสบรุนแรง ซึ่งควรไปพบแพทย์
อาการปวดที่ทำให้ไม่สามารถเดินลงน้ำหนักได้
อาการปวดตั้งแต่สะโพกลงไปถึงเท้าที่ไม่สามารถลงน้ำหนักได้ ถือว่าเป็นอาการปวดที่มีความรุนแรง อาจมีสาเหตุจากโรคเดิมที่มีความรุนแรงมากขึ้น หรืออาจเกิดจากโรคหรือภาวะอื่นที่มีความร้ายแรงกว่า ควรรีบไปพบแพทย์
อาการปวดที่มีการปวดร้าวไปตามแขนขา และมีอาการชาหรือการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อร่วมด้วย
อาการปวดร้าวตามแขนขา ชา หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นอาการที่บ่งชี้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับการรบกวนเส้นประสาท ถ้าเกิดร่วมกับอาการปวดคอ หรือปวดหลัง อาจบ่งชี้ถึงการกดเส้นประสาทหรือไขสันหลังบริเวณนั้นได้ ถ้าเกิดร่วมกับการปวดแขนขา อาจเกี่ยวข้องกับการถูกกดทับของเส้นประสาทส่วนปลาย
อาการปวดร่วมกับคลำได้ก้อนในบริเวณที่ปวด
แม้ว่าการปวดร่วมกับการคลำได้ก้อนแข็งบริเวณที่ปวดจะคล้ายกับกลุ่มอาการกล้ามเนื้อเกร็งตัวจากการใช้งานหรือที่รู้จักกันในชื่อกลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรม แต่ถ้าก้อนนั้นค่อยๆ โตขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้อยู่ตามตำแหน่งกล้ามเนื้อที่ใช้งานมาก อาจจะเป็นอาการแสดงของการติดเชื้อ หรือเนื้องอกของกระดูก หรือเนื้อเยื่ออ่อนได้ ดังนั้นถ้ามีอาการปวดร่วมกับคลำได้ก้อนที่มีลักษณะดังกล่าวจึงควรไปพบแพทย์
อาการปวดอย่างรุนแรงที่ร่วมกับมีไข้ และ/หรือ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
อาการ ไข้ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด การร่วมที่เกิดขึ้นในกรณีที่เจ็บป่วยเป็นโรคที่ค่อนข้างรุนแรงดังนั้นถ้ามีอาการเหล่านี้ร่วมกับอาการปวดตามกระดูก ข้อ หรือกล้ามเนื้อแขนขาหรือหลังควรรีบมาพบแพทย์
อาการปวดที่เกิดขึ้นมาใหม่ในผู้ที่มีประวัติเคยเป็นมะเร็งมาก่อน
สำหรับผู้ป่วยที่เคยเป็นมะเร็งชนิดใดก็ตามมาก่อน ไม่ว่าจะอยู่ในระหว่างการรักษาหรือรักษาหายแล้ว แม้ว่าจะเกิดขึ้นได้ไม่บ่อยนัก แต่ก็มีโอกาสที่จะมีการกลับมาเป็น หรือมีการแพร่มาที่กระดูกได้ ดังนั้นอาการปวดที่เกิดขึ้นในผู้ป่วยกลุ่มนี้ ควรมาพบแพทย์ได้รับการตรวจร่างกาย และตรวจภาพถ่ายรังสี เพื่อยืนยันว่าเกิดจากภาวะแพร่มาที่กระดูกหรือไม่
ถ้าเป็นในสถานการณ์ปกติ คงเป็นไปได้ยากที่อาการปวดร่วมกับอาการผิดปกติเหล่านี้จะถูกมองข้าม และผู้ป่วยจะได้รับการวินิจฉัยและการักษาอย่างเหมาะสมได้ทันท่วงที แต่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 แบบนี้ ทำให้อาการบางอย่างอาจถูกมองข้ามไป และทำให้การวินิจฉัยล่าช้าลงไป บทความนี้น่าจะได้ประโยชน์ไม่มากก็น้อยในการให้ข้อมูลเบื้องต้นในการประกอบการพิจารณามาพบแพทย์ในช่วงเวลาแบบนี้
อนึ่ง อาการที่กล่าวมาทั้งหมดในบทความนี้ไม่ได้ยืนยันว่าผู้ที่มีอาการจะเป็นโรคร้ายแรง 100% แต่เป็นตัวคัดกรองเบื้องต้นเพื่อให้มาพบแพทย์เท่านั้น
อ.นพ.ประกฤต สุวรรณปราโมทย์
ภาควิชาออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล